วัตถุประสงค์ (Purpose)
อนุสัญญาว่าด้วยการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการใช้งานด้านการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ในการค้าระหว่างประเทศ โดยมีการรับรองว่าสัญญาและการติดต่อสื่อสารที่เกิดขึ้นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์จะมีผลทางกฎหมายเช่นเดียวกับเอกสารกระดาษแบบดั้งเดิม
ความสำคัญของกฎหมายต้นแบบต่อการดำเนินงานจริง (Why is it relevant?)
ข้อกำหนดในสนธิสัญญาทางกฎหมายการค้าระหว่างประเทศที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เช่น อนุสัญญาว่าด้วยการรับรองและการบังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลา การต่างประเทศ (New York Convention) และอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยสัญญาการขายสินค้าระหว่างประเทศ (CISG) อาจก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการใช้การสื่อสาร ทางอิเล็กทรอนิกส์ อนุสัญเหล่านี้จึงมีบทบาทในการขจัดอุปสรรคทางการค้า โดยการรับรองความเสมอภาคระหว่างรูปแบบเอกสารอิเล็กทรอนิกส์และเอกสารกระดาษ อีกทั้ง ยังมีเป้าหมายในการส่งเสริมให้มีการใช้การสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างแพร่หลายในกระบวนการค้าระหว่างประเทศ โดยสนับสนุนให้เกิดความสอดคล้องของกฎเกณฑ์ ภายในประเทศเกี่ยวกับการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ และช่วยให้ประเทศต่าง ๆ นำกฎหมายแม่แบบของ UNCITRAL ไปใช้ได้อย่างกลมกลืน พร้อมทั้งเปิดช่องให้ปรับปรุง บทบัญญัติเหล่านั้นให้สอดรับกับบริบทปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไป
สาระสำคัญของกฎหมายต้นแบบ (Key Provisions)
อนุสัญญาฉบับนี้ต่อยอดจากกฎหมายต้นแบบ UNCITRAL ว่าด้วยพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์และลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยยึดหลักการไม่เลือกปฏิบัติ, หลักการความเป็นกลางทางเทคโนโลยีและหลักการความเทียบเท่าทางหน้าที่
ตาม มาตรา 1 อนุสัญญานี้มีผลใช้บังคับกับการสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์ระหว่างคู่สัญญาที่ตั้งอยู่ในแต่ละประเทศ โดยอย่างน้อยหนึ่งฝ่ายต้องตั้งอยู่ในรัฐภาคี ทั้งนี้ ได้กำหนดข้อยกเว้นไว้ใน มาตรา 2 สำหรับสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการใช้ส่วนบุคคล ครอบครัว หรือภายในครัวเรือน รวมถึงบางประเภทของธุรกรรมทางการเงินเอกสารเปลี่ยนมือ และเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ เพื่อจำกัดขอบเขตการใช้ให้เหมาะสมกับเจตนารมณ์ของอนุสัญญา
อนุสัญญายังให้ความสำคัญกับความถูกต้องของกระบวนการสื่อสาร โดยกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ของการส่งหรือรับข้อความอิเล็กทรอนิกส์ใน มาตรา 10 เพื่อให้สามารถนำไปใช้ในการตีความสิทธิ หน้าที่ และผลทางกฎหมายของคู่สัญญาได้อย่างชัดเจนในบริบทของเทคโนโลยีสารสนเทศ
หลักการสำคัญที่ปรากฏใน มาตรา 8 คือ การห้ามปฏิเสธผลทางกฎหมายของการสื่อสาร เพียงเพราะมีรูปแบบเป็นอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นแกนกลางในการรองรับธุรกรรมทางดิจิทัล และเป็นพื้นฐานของการเทียบเท่าทางหน้าที่ระหว่างเอกสารอิเล็กทรอนิกส์กับเอกสารกระดาษที่ระบุไว้ใน มาตรา 9 โดยกำหนดว่าหากข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สามารถเข้าถึงและนำกลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ก็ถือว่ามีผลเทียบเท่าเอกสารในรูปแบบกระดาษตามที่กฎหมายกำหนด
เช่นเดียวกัน อนุสัญญาฉบับนี้ยังรองรับการทำธุรกรรมผ่าน ระบบอัตโนมัติ โดยระบุใน มาตรา 12 ว่าการทำสัญญาที่เกิดขึ้นผ่านระบบ เช่น AI หรือระบบตอบกลับอัตโนมัติ แม้ไม่มีบุคคลควบคุม โดยตรง ก็ถือว่ามีผลผูกพันตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม หากข้อเสนอถูกส่งโดยไม่ระบุคู่สัญญาอย่างชัดเจน เช่น การประกาศบนเว็บไซต์หรือ แพลตฟอร์มออนไลน์ จะถือเป็นเพียง "การเชิญให้เสนอ" ตาม มาตรา 11 ไม่ใช่ข้อเสนอที่มีผลผูกพันโดยอัตโนมัติและเพื่อป้องกันความเสียหายจาก ข้อผิดพลาดที่เกิดจาก การกรอกข้อมูลในระบบอัตโนมัติ อนุสัญญาได้กำหนดแนวทางให้สามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ใน มาตรา 14 เพื่อคุ้มครองสิทธิของผู้ใช้งานและรักษาความเป็นธรรม ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
ที่มา: https://uncitral.un.org/en/texts/ecommerce/conventions/electronic_communications